3060 จำนวนผู้เข้าชม |
โด่งพุ่งได้อย่างไร?
เมื่อถอดซิลิโคนเก่าออกมาแล้วพบว่าปัญหาเกิดจากการเลือกซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่เกินความยาวของจมูก และขาของซิลิโคนก็ยาวเกินไป นี่คือภาพเมื่อพี่หมอดรีมถอดชิลิโคนออกมาก จะเห็นได้ว่าจมูกสวนปลายยุบเป็นรอยบุ๋มลงไป สาเหตุของการบุ่มนั้นให้จินตนาการถึงถุงพลาสติกที่ถูกใส่ของหนักมากๆ เมื่อนำของออกไป ถุงพลาสติกใบนั้นก็จะยึดย้วย เนื้อจมูกของคนเราก็เช่นกัน เมื่อถูกดันขึ้นจนสุดด้วยซิลิโคน ถ้าหากโชคดียังไม่ทะลุ เมื่อถอดชิลิโดนออกก็ต้องยุบลงไปเป็นธรรมดา เคสนี้ถือว่าโชคดีมากๆที่ยังไม่ต้องถึงกับถอดพัก
ภาพด้านซ้ายจะแสดงปัญหาที่เกิดขึ้นกับเคสนี้
ปัญหาหลักๆของเคสนี้คือใส่ซิลิโคนที่มีขนาดยาวเกินไป และยังต้องการให้เกิดความโด่งพุ่งมากๆจึงปล่อยให้ขาชิลิโคนยาวเพื่อให้ขาไปดันให้ปลายจมูกพุ่งขึ้นมา ซึ่งผลลัพท์ที่ได้ในช่วงแรกๆนั้น จะทำให้ได้ปลายจมูกที่โด่งพุ่งสวยงาม แต่ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายจะสร้างพังผืดขึ้นตามธรรมชาติหากใส่ซิลิโคนในตำแหน่งที่ถูกต้องและมีขนาดพอดีจะไม่เกิดปัญหา แต่เมื่อใส่ชิลิโคนที่มีความยาวมากเกินขนาด เมื่อผังผืดรัดซิลิโคนจะทำให้ซิลิโคนผิดรูป ในบางรายก็เกิดอาการซิลิโคนโก่งทำให้จมูกงองุ้มเหมือนจมูกแม่มด ในบางรายอย่างเช่นเคสนี้ทำให้ซิลิโคนเคลื่อนที่ดูภาพล่างช้ายประกอบ) เมื่อซิลิโคนเคลื่อนที่บิดตัวทำให้เอียง ขาซิลิโคนซึ่งวางไว้ในตำแหน่งใต้จมูกซึ่งมีความยาวมากเกินไป ก็เกิดพับตัวและปลายดีดขึ้นมาเป็นรอยนูน ในส่วนที่พับก็ทำให้เกิดรอยบุ่มลงไป ทั้งส่วนที่นูนและส่วนที่พับนั้นจะเกิดการเสียดสีทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นอักเสบแดงขึ้นมาคล้ายสิว
การแก้ไข (ภาพบนล่างขวามือ)
พี่หมอดรีมจัดการแก้ไขด้วยการถอดซิลิโคนเก่าออก จึงใช้วิธีการเปลี่ยนซิลิโคนให้มีขนาดเล็กลง ตัดขาให้สั้นขึ้น ให้แนบกระดูกมากที่สุด #วางซิลิโคนไว้ได้เยื่อหุ้มกระดูกเพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของซิลิโคน อีกปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังเปลี่ยนซิลิโคนก็คือรอยปุ๋มลงไปซึ่งเกิดจากรอยพับของขาซิลิโคนอันเก่า ในส่วนที่บุ่มลงไปนั้นได้ใช้ ผกระดูกอ่อนผ่านกระบวนการ ค่อยๆรองขึ้นไปทีละชั้นๆจนสวนที่ยุบนั้นหายไป ซึ่งในกรณีนี้ถ้าใช้กระดูกอ่อนหลังหูและเนื้อเยื่อไขมันร่างกายจะตอบสนองต่อผลการรักษาได้เร็วกว่า แต่คนไข้ไม่สะดวกจึงใช้กระดูกอ่อนผ่านกระบวนการแทน ซึ่งก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่อาจจะใช้เวลานานกว่า ส่วนปุ่มนูนได้จมูกนั้นรักษาร่วมกับการทานแก้อักเสบร่วม เมื่อเวลาผ่านไปจะค่อยๆ ดีขึ้น
ภาพเปรียบเทียบก่อนทำและหลังทำทันที
จะเห็นว่าภาพหลังทำทันที(ด้านขวามือ) ปลายจมุกที่เป็นหยดน้ำจะสั้นลง เนื่องจากพี่หมอดรีมลดขนาดของซิลิโคนและความยาวของขาซิลิโคนเพื่อไม่ให้ส่วนขานั้นโก่ง ปลายจมูกยังคงมีรอยช้ำที่เกิดจากเนื้อเยื่ออักเสบอยู่บ้าง ต้องใช้เวลานานกว่า เคสนี้เป็นอุทาหรณ์ให้สาวๆที่อยากมีจมูกโด่งพุ่งทั้งหลาย ให้เช็คเนื้อจมูกของตัวเองดูก่อน ว่าเรามีเนื้อจมูกมากพอให้โด่งพุ่งได้อย่างใจเราอยากหรือไม่ อย่างที่พี่หมอดรีมพูดเสมอว่า อยากโด่งแค่ไหนก็ได้ถ้าคนไข้ต้องการ เชื่อว่าคุณหมอทุกท่านสามารถทำให้ได้หมด แต่จะปลอดภัยไหม คุณหมอจะยอมทำให้หรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้นจะดีกว่าถ้าคนไข้จะเชื่อคำแนะนำของคุณหมอด้วย เอาพุ่งแต่พอดี พุ่งเท่าที่เนื้อจมูกเรารับไหวก็พอ นอกจากเชื่อคุณหมอแล้ว ต้องเลือกแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้วย และคลินิคที่ไว้ใจได้ด้วย หรือถ้าหากการเสริมซีลิโคนปกติจะไม่สามารถพุ่งได้มากตามที่เราต้องการ อาจจะต้องหันไปใช้วิธีอื่นเช่น ใช้เทคนิคการปรับโครงสร้างไปเลย #สวยด้วยปลอดภัยด้วยจะดีกว่า และให้จำไว้ว่า งานแก้ไขนั้นแพงกว่าเสริมใหม่เสมอ เสริมถูกแก้แพงนการให้เนื้อเยื่อซ่อมแซมตัวเอง