การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม

3335 จำนวนผู้เข้าชม  | 

การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม

การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม


เป็นวิธีปรับรูปหน้าให้มีขนาดเล็กเรียวถาวรวิธีหนึ่ง ใบหน้าที่อ้วนกลมเพราะแก้มเยอะ สามารถจัดการได้โดยการตัดก้อนไขมันที่อยู่ในกระพุ้งแก้มซึ่งอยู่ในระหว่างกล้ามเนื้อมัดที่ทำหน้าที่เคี้ยวอาหาร ไม่ใช่การเอาไขมันใต้ผิวหนังออกมาเหมือนการดูดไขมันปกติ ซึ่งจะทำให้ใบหน้าเป็นรูปตัว U ตอบลง กลายเป็นรูปตัว V ที่เห็นผลชัดที่สุด


ข้อดีของการปรับรูปหน้าด้วยการผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม


ทำให้ใบหน้าเรียวเล็กได้ถาวร เป็นการผ่าตัดเล็ก พักฟื้นไม่นาน หลังทำไม่ทิ้งแผลเป็นให้เห็น ตัดกังวลเรื่องแพลคีลอย ไม่ต้องตัดไหม สามารคแต่งหน้าได้ปกติ

วิธีการตัดไขมันกระพุ้งแก้ม


ทำให้หลับด้วยยานอนหลับ และฉีดยาชา ผสมอดินาลีนในช่องปากเพื่อไม่ให้เลือดออกมากระหว่างการผ่าตัด แพทย์จะทำการเปิดแผล ขนาดเล็กภายในปากหลังผ่าตัด ที่ร่องระหว่างเหงือกกับกระพุ้งแก้มบริเวณฟันกรามชี่ที่ 2 โดยเปิดแผลผ่านกล้ามเนื้อที่ใช้เคี้ยวอาหาร แล้วต้นไขมันที่ต้องการตัดออกมา จากนั้นทำการผ่าตัดไขมันออก เย็บแผลปิดด้วยไหมละลายใข้เวลาทั้งหมด 30-45 นาที เท่านั้น ทั้งหมดเป็นแผลด้านใน ปากจะไม่ทิ้งแผลให้เห็น และไม่ต้องทำการตัดไหม เนื่องจากไหมจะหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป

ใครที่เหมาะตัดไขมันกระพุ้งแก้มบ้าง

เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาแก้มป่อง หน้าเป็นรูปตัว U และมีอายุ 20 ปีขึ้นไป คนที่อายุต่ำกว่า 25 ปีลงมา ต้องระมัดระวังในการตัดไขมันกระพุ้งแก้ม หากเป็นคนที่อายุน้อยต้องระมัดระวังอย่าตัดออกเยอะจนเกินไป เนื่องจากเมื่อถึงช่วงอายุ 25-35 ปี ไขมันบนใบหน้าจะบางลงไปเองโดยธรรมชาติ  ถ้าหากตัดออกไปเยอะเกินไปจะทำให้หน้าผอมจนเกินไป เมื่ออายุมากขึ้น ควรปรึกษาเรื่องปริมาณไขมันที่จะต้องตัดออกกับแพทย์ให้ดีก่อน



ระยะเวลาที่จะเห็นผล


ในช่วง 1-3 วันแรกจะเป็นช่วงที่บวมมากที่สุด จากนั้นจะเริ่มยุบบวมลงเรื่อยๆ ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ลักษณะการบวมจะคล้ายๆคนที่ผ่าฟันคุต จะเข้าที่เห็นผลชัดเจนเมื่อครบ 1 เดือน และชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ภายใน 3 เดือน

การดูแลหลังผ่าตัด
  1. ประคบเย็นตรงแก้มให้บ่อยที่สุดนาน 2 วัน หรือจนกว่าจะยุบบวม
  2. วันแรกควรทานอาหารอ่อนหรือทานอาหารเหลว งดรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดจัด แข็งมากหรือเปรี้ยวมาก
  3. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใน 1 อาทิตย์แรกหลังการผ่าตัด งดการสูบบุหรี่ 2 อาทิตย์หลังการผ่าตัด
  4. บ้วนปากบ่อยๆ ด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาดหรือน้ำยาบ้วนปาก วันละหลายครั้ง
  5. อย่าให้ลิ้นดุนหรือใช้มือดึงไหมที่เย็บแผลในปาก
  6. ทานยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบตามเวลา

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้