17812 จำนวนผู้เข้าชม |
ใครอยากเสริมจมูกแบบไม่ดูพื้นฐานเนื้อห้ามพลาด
เคสคุณเอ๋ มาแก้จมูกกับพี่หมอดรีม ปัญหาคือเมื่อมองจากภายนอก
การผ่าตัด
เคสนี้คุณหมอฟันธงตั้งแต่ตอนตรวจว่า เกิดจากการใส่ซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่เกินไป แต่เมื่อผ่าตัดดึงเอาชิลิโคนเก่าออกมา พบสิ่งที่น่าตกใจมาก ก็คือ ซิลิโคนที่คนไข้ใส่เข้าไปนั้น เหมือนซิลิโคนที่พึงแกะออกมาจากกล่องใหม่ๆ ไม่มีการเหลา หรือปรับแต่งใดๆให้เหมาะสมกับพื้นฐานจมูกเดิมของคนไข้เลย และยังเลือกใช้ซิลิโคนขนาดที่ใหญ่กว่าความจริงอยู่มาก
ใช้ซิลิโคนสำเร็จรูปต้องเหลาด้วยหรอ ?
ซิลิโคนสำเร็จรูปคือซิลิโคนที่ผ่านการขึ้นทรงมาเรียบร้อย ในเคสนี้คุณหมอท่านเดิมใช้ชิลิโคนสำเร็จรูป ซึ่งเป็นซิลิโคนที่มีคุณภาพระดับ Implant grade และยังเป็นซิลิโคนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เนื่องจากเมื่อเสริมแล้วจะได้ทรงจมูกที่สวยงาม แต่ไม่ว่าคุณหมอจะใช้ซิลิโคนชนิดไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดในการใช้ซิลิโคนเสริมจมูก คือ ประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ ที่จะต้องทำการปรับแต่งและเลือกขนาดให้เหมาะสมกับฐานจมูกเดิมของคนไข้เสมอ!!!
เนื่องจากปัญหาจมูกของคนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกัน .... ทั้งขนาดความสูงของฐานจมูกกับหน้าผากก็ต่างกัน ความลาดเอียงของฐานจมูกฝั่งซ้ายและขวาก็ต่างกัน เนื้อจมูกก็มีมากน้อยต่างกันออกไป ชิลิโคนขึ้นรูปสำเร็จก็ไม่ได้ถูกออกแบบให้สามารถนำไปปรับแต่งได้ ดังนั้นแม้ว่าจะเป็นซิลิโคนขึ้นรูปสำเร็จแต่ก็ไม่ได้หล่อมาให้เฉพาะบุคคล ดังนั้นคุณหมอต้องทำการเหลาปรับแต่งเพื่อให้เข้ากับรูปของจมูกคนไข้ก่อนใส่เข้าไปเสมอ
การเลือกขนาดชิลิโคนก็สำคัญ คุณหมอต้องทำการเลือกขนาดให้เหมาะสมกับจมูก หากเลือกขนาดที่เล็กหรือใหญ่เกินไปจะเกิดปัญหารั้งขึ้น หรือล้มเอียงได้เหมือนในเคสนี้
ผลการผ่าตัด...
เนื่องจากเดิมเนื้อจมูกถูกรั้งออกมาจนสุดเนื่องจากปัญหาเสือกขนาดชิลิโคนผิด และไม่ได้เหลาแต่งบริเวณปลายซิลิโดนให้เหมาะสมกับเนื้อปลายจมูกของคนไข้ ทำให้เมื่อถอดออกมาจมูกยุบลงไปผิดรูป ในเคสที่เป็นแบบนี้จะไม่สามารถใส่ชิลิโคนกลับไปอย่างเดียวได้เนื่องจากจะมีโอกาสกลับมาทะลุอีก ต้องทำการรองปลายด้วยกระดูกอ่อนหลังหู หรือกระดูกอ่อนที่ผ่านกระบวนการ (ซึ่งในเคสนี้เลือกอย่างหลังเนื่องจากไม่สะดวกเปิดหลังหู) และจำเป็นที่จะต้องลดทรงจมูกลงด้วย เนื้อเยื่อจมูกที่ผ่านการเสียดสีจนบางแล้วจะได้รับความเสียหาย ดังนั้นเมื่อถอดออกมาจะบวมแดง อย่างที่เห็นในภาพอาจจะต้องใช้เวลานานกว่าปกติเพื่อให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นสร้างขิ้นมาใหม่
ผลการรักษาของเคสนี้ถือว่าได้ผลการรักษาที่น่าทึ่งพอใจ ผ่านไป 14 วันมีเพียงอาการบวมแดงเล็กน้อย ซึ่งคุณหมอขอติดตามอาการอย่างใกล้ชิด โดยการนัดเข็คเพิ่มหลังจากตัดไหมอีก 15 วันเพื่อความสบายใจของทางคนใข้และคุณหมอเอง
เลือกแพทย์ที่เชี่ยญชาญ
การผ่าตัดทุกอย่างมีความเสี่ยงอยู่แล้ว ตังนั้นการเลือกหมอที่มีประสบการถณ์มากและมีความเชี่ยวขาญจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดความเสี่ยงออกไปได้มากที่สุด
เลือกให้ดีเพราะงานแก้แพงกว่าเสริมใหม่เสมอ
นอกจากการเลือกคุณหมอและคลินิคที่วางใจได้แล้ว ประกันหลังฝาตัดยังเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญ เพราะมีเคสจำนวนมากที่จะตรวจพบปัญหาหลังจากที่เสริมไหม่ไปแล้ว 6 เดือน ถึง 1 ปี เมื่อจะกลับไปแก้ก็หมดประกันเสียแล้ว ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เรียกว่าเจ็บตัวแล้วยังเสียเงินเพิ่มฟรีๆ อีกต่อหนึ่ง